อาการโรคหูดหงอนไก่ แตกต่างกันอย่างไรในผู้ชาย และผู้หญิง
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections: STIs) ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น และวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หนึ่งในโรคที่พบได้บ่อยคือ โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) โรคนี้แม้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตในทันที แต่สามารถก่อให้เกิดความไม่สบายกาย ความอับอาย และความเครียดทางจิตใจ นอกจากนี้บางสายพันธุ์ของไวรัส HPV ยังมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งในอนาคตอีกด้วย
สิ่งที่สำคัญคือ อาการของโรคหูดหงอนไก่ในผู้ชาย และผู้หญิงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้มีผลต่อการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกัน หากเข้าใจลักษณะอาการของแต่ละเพศได้ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อ และเพิ่มโอกาสในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาผู้อ่านเจาะลึกถึงโรคหูดหงอนไก่ตั้งแต่ความหมาย วิธีการติดเชื้อ อาการในผู้ชาย และผู้หญิง ไปจนถึงการตรวจวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันอย่างครบถ้วน

โรคหูดหงอนไก่ คืออะไร?
โรคหูดหงอนไก่ (Genital Warts) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อ ไวรัส HPV (Human Papillomavirus) โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV-6 และ HPV-11 ที่เป็นสาเหตุหลัก หูดที่เกิดขึ้นมักมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ หรือก้อนนูนสีเนื้อ ชมพู หรือเทา และสามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่จนมีรูปร่างคล้าย “หงอนไก่” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรค
โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ชาย และผู้หญิง โดยตำแหน่งการเกิดหูดจะแตกต่างกันไปตามเพศ และพฤติกรรมทางเพศ เช่น บริเวณอวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก หรือแม้กระทั่งในช่องปากหากมีการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก สิ่งที่น่ากังวลคือโรคนี้อาจไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่าตนเองติดเชื้อ และยังสามารถแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่นได้
แม้ว่าโรคหูดหงอนไก่จะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็สร้างผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ทางเพศ และหากผู้หญิงติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง ยังอาจนำไปสู่การเกิด มะเร็งปากมดลูก ได้ในอนาคต จึงเป็นโรคที่ไม่ควรมองข้าม และควรได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างถูกต้อง
สาเหตุของโรคหูดหงอนไก่
เกิดจากเชื้อ เอชพีวี (HPV, Human Papillomavirus) คือไวรัสดีเอ็นเอที่ชอบอยู่ในเซลล์เยื่อบุผิว (squamous epithelium) ของผิวหนัง และเยื่อเมือก เช่น อวัยวะเพศ ปาก ทวารหนัก และคอหอย
- มีสายพันธุ์มากกว่า 100–200 สายพันธุ์ (พบทั่วไปกล่าวว่า 100+) แบ่งคร่าว ๆ เป็น
- สายพันธุ์ความเสี่ยงต่ำ (low-risk): เช่น HPV-6, HPV-11 เป็นสาเหตุหลักของหูดหงอนไก่ (genital warts) และหูดบริเวณอื่น ๆ
- สายพันธุ์ความเสี่ยงสูง (high-risk/oncogenic): เช่น HPV-16, HPV-18 (รวมถึง 31, 33, 45 ฯลฯ) เกี่ยวข้องกับ มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งสัมพันธ์กับอวัยวะเพศ/ทวารหนัก/ช่องปาก-คอหอย
- การติดเชื้อ HPV พบได้บ่อยมากในช่วงชีวิตการมีเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่ ร่างกายจะกำจัดเชื้อได้เองใน 1–2 ปี แต่บางรายเชื้อคงอยู่ (persistent) → เสี่ยงเกิดหูด/รอยโรคก่อนมะเร็ง
- ระยะฟักตัว ของหูดหงอนไก่โดยเฉลี่ยหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน (อาจสั้นเพียง 2–3 สัปดาห์ หรือยาวหลายเดือน) และบางครั้งเชื้อ “แฝง” โดยไม่มีอาการ
วิธีการติดต่อของโรคหูดหงอนไก่
- สัมผัสผิวหนังขณะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน: ทางช่องคลอด/ทวารหนัก/ปาก (oral sex) เป็นกลไกหลัก เพราะเชื้อแพร่จากผิวแตะผิว
- สัมผัสผิวบริเวณอวัยวะเพศที่มีเชื้อ แม้ไม่ได้สอดใส่เต็มรูปแบบ (genital-to-genital skin contact) ก็ถ่ายทอดได้
- การใช้อุปกรณ์/ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ที่ปนเปื้อน (เช่น เซ็กส์ทอย/ผ้าเช็ดตัว) เป็นไปได้ แต่พบไม่บ่อยเมื่อเทียบกับการสัมผัสโดยตรง
- จากแม่สู่ลูก ระหว่างคลอดพบได้ไม่บ่อย แต่สัมพันธ์กับภาวะ recurrent respiratory papillomatosis (หูดในกล่องเสียงของทารก)
- การแพร่ในตัวเอง (autoinoculation): เกาจากตำแหน่งหนึ่งไปอีกตำแหน่งหนึ่งได้
หมายเหตุ: ถุงยางอนามัยช่วยลดความเสี่ยง ได้มาก แต่ไม่ครอบคลุมทุกผิวสัมผัส จึงลดแต่ไม่ตัดความเสี่ยง 100% การฉีดวัคซีน HPV + ถุงยาง + ตรวจคัดกรอง = ป้องกันดีที่สุด
อาการโรคหูดหงอนไก่ในผู้ชาย
ตำแหน่งที่พบบ่อย
- อวัยวะเพศชาย: โคน/ลำ/ปลายองคชาต, ใต้หนังหุ้มปลาย
- ถุงอัณฑะ, ขาหนีบ/ฝีเย็บ
- รอบทวารหนัก/ภายในทวาร (โดยเฉพาะผู้มีเพศสัมพันธ์ทางทวาร)
- ช่องปาก/ริมฝีปาก/คอหอย (สัมพันธ์กับ oral sex)
ลักษณะของหูดในผู้ชาย
- ตุ่ม/ปื้นนูน สีเนื้อ ชมพู หรือเทา ผิวขรุขระ
- เดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม รวมตัวเป็นแผงลักษณะคล้าย หงอนไก่/ดอกกะหล่ำ
- ส่วนใหญ่ ไม่เจ็บ แต่ คัน/ระคาย/แสบ ได้ โดยเฉพาะบริเวณชื้นเสียดสี
- อาจโต/ลุกลาม จนรบกวนการมีเพศสัมพันธ์หรือการถ่ายปัสสาวะ (ถ้าเกี่ยวปากรูท่อปัสสาวะ)
ผลกระทบต่อผู้ชาย
- จิตใจ/ความมั่นใจ ในความสัมพันธ์
- แพร่เชื้อให้คู่นอน ได้แม้ไม่มีอาการชัด
- หากปล่อยทิ้งไว้ ลุกลามกว้าง รักษายากขึ้น และบางตำแหน่งต้องแยกโรคกับรอยโรคก่อนมะเร็ง
อาการโรคหูดหงอนไก่ในผู้หญิง
ตำแหน่งที่พบบ่อย
- ปากช่องคลอด/แคมเล็ก-แคมใหญ่/ฝีเย็บ
- ผนังช่องคลอด, ปากมดลูก
- รอบทวารหนัก/ภายในทวาร
- ช่องปาก/คอหอย (หากมี oral sex)
ลักษณะของหูดในผู้หญิง
- อาจ เล็กมากจนมองไม่เห็น ด้วยตาเปล่า โดยเฉพาะใน ช่องคลอด/ปากมดลูก
- เดี่ยว/กลุ่ม ผิวขรุขระ คล้าย ดอกกะหล่ำ/หงอนไก่
- คัน/แสบ/ระคาย หรือ เจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์; บางรายมีตกขาวผิดปกติ/เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ (ถ้ามีรอยโรคในช่องคลอดหรือปากมดลูก)
ผลกระทบต่อผู้หญิง
- หากติดเชื้อร่วมกับ สายพันธุ์เสี่ยงสูง → เพิ่มความเสี่ยง รอยโรคก่อนมะเร็ง/มะเร็งปากมดลูก
- ผลต่อจิตใจ/ความสัมพันธ์ คล้ายผู้ชาย
- ระหว่างตั้งครรภ์: หูดอาจ โตเร็ว/เลือดออกง่าย และต้องเลือกวิธีรักษาที่ปลอดภัยต่อทารก; ความเสี่ยงถ่ายทอดสู่ทารกมีน้อย แต่พิจารณาตามตำแหน่ง/ขนาด
ความแตกต่างระหว่างอาการในผู้ชาย และผู้หญิง
ประเด็น | ผู้ชาย | ผู้หญิง |
ตำแหน่งเด่น | ผิวหนังอวัยวะเพศภายนอก, ถุงอัณฑะ, รอบ/ในทวาร | ช่องคลอด, ปากมดลูก, ช่องคลอดด้านใน, รอบ/ในทวาร |
การสังเกต | มัก เห็นได้ง่าย ภายนอก | หลายครั้ง ซ่อนในช่องคลอด/ปากมดลูก → ไม่ชัด |
การตรวจพบ | ตรวจร่างกายทั่วไปมักพบ | มักต้อง ตรวจภายใน, Pap test/HPV test |
ผลต่อสุขภาพ | กระทบกายภาพและจิตใจ | เสี่ยง รอยโรคก่อนมะเร็ง/มะเร็งปากมดลูก มากกว่า |
ระหว่างตั้งครรภ์ | — | หูดอาจโตเร็ว/เลือดออกง่าย ต้องหลีกเลี่ยงยาบางชนิด |
การตรวจ และวินิจฉัยโรคหูดหงอนไก่
- การตรวจร่างกายทั่วไป แพทย์ดูด้วยตา/แว่นขยาย บริเวณอวัยวะเพศ ฝีเย็บ รอบทวาร และผิวหนังใกล้เคียง ในผู้ชายบางรายอาจต้องตรวจปากรูท่อปัสสาวะ; ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางทวารควร ตรวจทวารหนัก/anoscopy
- การใช้น้ำส้มสายชูเจือจาง (Acetic Acid Test) ทาน้ำส้มสายชูเจือจางแล้วรอ หูดจะ “ซีดขาว” ช่วย ไฮไลต์ขอบเขต แต่ ไม่เฉพาะเจาะจง (แผล/รอยอักเสบอื่นก็ซีดได้) จึงใช้เป็น ตัวช่วย มากกว่าตัดสินวินิจฉัย
- การตรวจคัดกรองปากมดลูก (เฉพาะผู้หญิง) หรือ Pap smear/HPV DNA test: คัดกรองรอยโรคก่อนมะเร็ง/เชื้อสายพันธุ์เสี่ยงสูงที่ปากมดลูก อาจต้อง colposcopy (ส่องกล้องขยาย) และ ชิ้นเนื้อ (biopsy) หากผลคัดกรองผิดปกติ
- HPV DNA Test ในหูด ไม่จำเป็นในทุกราย เพราะการมีหูด มักเกิดจากสายพันธุ์เสี่ยงต่ำอยู่แล้ว และผลตรวจไม่เปลี่ยนแผนรักษาหูดภายนอก ยกเว้นกรณีเฉพาะ เช่น รอยโรคไม่แน่ชัด/สงสัยรอยก่อนมะเร็ง/ติดเชื้อซ้ำซ้อนหลายตำแหน่ง/ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ชิ้นเนื้อ (Biopsy) พิจารณาเมื่อรอยโรค ไม่จำเพาะ/สีเข้ม/เลือดออกง่าย/โตเร็ว/ดื้อการรักษา หรือในผู้ป่วย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และใน ผู้สูงอายุ เพื่อแยกมะเร็ง/รอยโรคก่อนมะเร็ง

การรักษาโรคหูดหงอนไก่
หลักการใหญ่: หูดหงอนไก่เป็นโรคที่รักษาได้ แต่มีโอกาสกลับเป็นซ้ำ เพราะไวรัสอาจคงอยู่ที่ผิว/แฝงในบริเวณใกล้เคียง การเลือกวิธีรักษาขึ้นกับ ขนาด/จำนวน/ตำแหน่ง, การตั้งครรภ์, ภูมิคุ้มกัน, ความพร้อมของสถานพยาบาล และ ความสะดวกของผู้ป่วย
หลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์ จนแผลหาย และ ใช้ถุงยาง สม่ำเสมอเพื่อลดการแพร่เชื้อ
- การรักษาแบบใช้ยา (ทา/ใช้เองที่บ้านหรือโดยแพทย์)
- Imiquimod ครีม 5% (ทา 3 คืน/สัปดาห์ สูงสุด ~16 สัปดาห์; ล้างออกหลัง 6–10 ชม.) หรือ 3.75% (ทุกคืน) → กระตุ้นภูมิคุ้มกันเฉพาะที่
- Podophyllotoxin 0.5% (ทาวันละ 2 ครั้ง 3 วันติด, หยุด 4 วัน, ทำซ้ำเป็นรอบ ๆ รวมสูงสุด ~4 รอบ) → ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
- Sinecatechins 15% (สารสกัดชาเขียว, ทาวันละ 3 ครั้ง สูงสุด ~16 สัปดาห์) → หลีกเลี่ยงในหญิงตั้งครรภ์/ผู้มีภูมิแพ้ส่วนผสม
- สารกัด/จี้โดยแพทย์ เช่น trichloroacetic acid (TCA) 80–90% เหมาะในหญิงตั้งครรภ์/รอยโรคเล็ก
- ข้อควรระวัง
- ยาบางชนิด ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ (โดยเฉพาะ podophyllin/podophyllotoxin, sinecatechins)
- หากแสบ/ระคายมาก ให้หยุดชั่วคราว และแจ้งแพทย์
- การรักษาด้วยหัตถการ (ทำโดยแพทย์)
- Cryotherapy (จี้เย็นด้วยไนโตรเจนเหลว) ทำทุก 1–2 สัปดาห์จนยุบ
- Electrosurgery/เครื่องจี้ไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ CO₂: เหมาะรอยโรคใหญ่/ดื้อยา/ตำแหน่งยาก
- ผ่าตัดตัดออก (excision): สำหรับปื้นใหญ่/สงสัยมะเร็ง → ได้ชิ้นเนื้อส่งตรวจด้วย
- TCA/BCA (กรดไตรคลอโรอะซิติก/บัยคลอโรอะซิติก) ทารายสัปดาห์ โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์
- การดูแลหลังทำ
- รักษาความสะอาด แห้ง งดเสียดสี/อาบน้ำร้อนจัด 24–48 ชม.
- เว้นเพศสัมพันธ์จนแผลหายสนิท
- นัดติดตามเป็นระยะเพื่อตรวจซ้ำ/รักษาซ้ำหากจำเป็น
- การดูแลร่วมด้วยตัวเอง
- ถุงยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ (ลดการแพร่เชื้อ)
- แจ้งคู่นอน และชวนตรวจสุขภาพ/คัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น (เช่น หนองในเเท้/เทียม ซิฟิลิส เอชไอวี)
- เสริมภูมิคุ้มกันทั่วไป: นอนพอ ลดเครียด เลิกบุหรี่
- ห้ามแกะ/เกา ลดการลุกลาม และติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
การป้องกันโรคหูดหงอนไก่
- วัคซีน HPV มีวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์/9 สายพันธุ์ ครอบคลุม HPV-6, 11 (หูด) และ 16, 18 (ก่อมะเร็ง) รวมทั้งสายพันธุ์เสี่ยงสูงอื่น ๆ ในชนิด 9 สายพันธุ์
- อายุแนะนำเริ่มต้น 9–14 ปี (มักฉีด 2 เข็ม ตามกำหนด), อายุ 15 ปีขึ้นไป หรือ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง มักต้อง 3 เข็ม (กำหนดตามชนิดวัคซีน/แนวทางประเทศ)
- ผู้ใหญ่ ยังได้ประโยชน์ โดยเฉพาะผู้มีคู่นอนใหม่/หลายคน (พูดคุยแพทย์ถึงช่วงอายุ และข้อบ่งชี้)
- ถุงยางอนามัย และพฤติกรรมทางเพศปลอดภัย
- ใช้ ถูกวิธี–ตลอดกิจกรรม ช่วยลดความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
- จำกัดคู่นอน/สัมพันธ์แบบคู่เดียว (mutual monogamy)
- ตรวจคัดกรองตามเพศ/กลุ่มเสี่ยง
- ผู้หญิง: ตรวจคัดกรองปากมดลูกตามช่วงอายุ/แนวทางประเทศ (Pap/HPV test) แม้ ไม่มีอาการ
- กลุ่มเสี่ยงสูงทางทวาร (เช่น MSM/ผู้มีเอชไอวี): อาจพิจารณา ตรวจคัดกรองรอยโรคทวาร ตามแนวทางเฉพาะ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
- การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เข้าใจแนวทางใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ปลอดภัย และมั่นใจ
อาการโรคหูดหงอนไก่ในผู้ชายมักสังเกตได้ง่ายเพราะขึ้นภายนอก ขณะที่ในผู้หญิงอาจเกิดทั้งภายนอก และภายในช่องคลอด จึงตรวจพบยากกว่า และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากกว่า ดังนั้นทั้งผู้ชาย และผู้หญิงควรหมั่นตรวจสุขภาพ และพบแพทย์เมื่อสงสัยว่ามีอาการ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง และลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน
เอกสารอ้างอิง
- WebMD. How Do I Know If I Have Genital Warts? HPV Symptoms & Diagnosis. ข้อมูลเกี่ยวกับอาการหูดหงอนไก่ วิธีการวินิจฉัยและการตรวจโดยแพทย์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.webmd.com/sexual-conditions/hpv-genital-warts/genital-wart-symptoms-diagnosis
- Health.com. What Is Human Papillomavirus (HPV)? อธิบายสายพันธุ์ของ HPV ที่ก่อให้เกิดหูดหงอนไก่และสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.health.com/hpv-overview-7377742
- MedThai. หูดหงอนไก่ (Condyloma acuminata) อาการ, สาเหตุ, การรักษา ฯลฯ. ข้อมูลอาการของหูดหงอนไก่ การวินิจฉัยและการรักษา. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://medthai.com/หูดหงอนไก่
- HelloKhunMor. หูดหงอนไก่ อาการเป็นอย่างไร สาเหตุและการรักษา. ครอบคลุมอาการและตำแหน่งที่พบบ่อยในผู้ชายและผู้หญิง รวมถึงแนวทางการรักษา. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://hellokhunmor.com/สุขภาพทางเพศ/โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/หูดหงอนไก่-อาการ-การรักษา
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. หูดหงอนไก่ เรื่องใหญ่ กว่าที่คิด. เอกสารวิชาการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางกายและจิตใจจากหูดหงอนไก่. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://si.mahidol.ac.th/sidoctor/sirirajonline2021/Article_files/1510_1.pdf